หากพวกเราทำกิจการค้า, บริษัท, ธุรกิจ, หรือร้าน โดยไม่มี Facebook ได้ไหม? lucia88 คำตอบในปี พุทธศักราช 2563 นี้เห็นที่จะมิได้ แม้ว่าจะต้องที่สุดต่อธุรกิจหรือเปล่า แต่ว่าจำนวนมากก็คิดในประมาณว่า “มี ดียิ่งกว่า ไม่มี” แต่ว่าถ้าหากพวกเราไม่มี Facebook ขึ้นมาจริงๆล่ะ?…
จากหลักสำคัญข่าวสารในตอนเดือน ส.ค. 2563 ก่อนหน้านี้ lucia88 การพยายามปิดกัน “กรุ๊ป” ใน Social mediaเป็นFacebook ของเมืองไทย ซึ่งหัวข้อปัญหาจากหัวข้อการเมือง โดยในต่อไปนี้จะกล่าวในด้าน บทความธุรกิจ ก็เลยมิได้เขียนเกี่ยวโยงกับรายละเอียด หรือมีความเห็นต่อข่าวสารนั้นอะไร เพียงแค่จากหลักสำคัญดังที่ได้กล่าวมาแล้วทำให้คิดได้ว่าถ้าเกิดเมืองไทยพวกเราแบน (ban) Facebook ม่ให้ใช้ขึ้นมาราวกับจีนจะคืออะไร?..
พื้นฐานภาคพสกนิกรทั่วๆไป (ที่ไม่เกี่ยวทางด้านการค้าขาย) อาจมีความทุกข์ร้อนต่างๆนาๆ เริ่มจาก เสียดายรูปภาพ, เสียดายเรื่องราวที่เคยโพสต์ เคยเขียน, กลัวหาสหายไม่พบ ถัดมาก็จะมีปัญหาหัวข้อการผูกบัญชี เป็นใช้ Facebook สำหรับล๊อกอิน บางทีก็อาจจะจำไม่ได้ว่าผูกเว็บ หรือบริการไหนไว้บ้าง (ส่วนตัวผมไม่ค่อยจะผูกอะไรที่หลักๆเนื่องจากความสบายก็จะแลกเปลี่ยนมาด้วยความปลอดภัย)
ซึ่งมั่นใจว่าแม้ว่าจะกระทบในวงกว้าง แต่ว่าก็น่าจะเป็นเพียงแค่ระยะสั้น เนื่องจากว่าที่สุดแล้วแง่ผู้ใช้ทั่วๆไป ก็สามารถใช้ตัวอื่น แอพอื่น ชดเชยไปสุดท้าย (ถัดไปจะขอเขียนคำว่าเฟซบุ๊ก Facebook สั้นๆเป็น FB)
ถ้าเกิดธุรกิจไม่มี Facebook แล้ว?
แม้กระนั้นถ้าหากเป็นภาคธุรกิจล่ะ ไม่ว่าจะค้าขายทั่วๆไป ไปจนกระทั่งบริษัทใหญ่ ผลพวงอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ลองช่วยเหลือกันคิดพินิจพิจารณามอง แน่ๆว่าหัวข้อหลักๆอาจจะเกิดเรื่องประเด็นทาง “การตลาด” สำหรับผมจะแบ่งเป็นข้อๆโดยผลพวงย่อมมีความไม่เหมือน ขึ้นกับจำพวก และก็ขนาดของธุรกิจ ตอนแรกผมก็จะเขียนแยกกันระหว่างจำพวก กับขนาด ก็แค่บางมุมก็ไม่ได้แตกต่างกันก็เลยเอามาเป็นข้อย่อยเดียวกัน ดังต่อไปนี้
แบบธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) และก็ ธุรกิจกับเมือง (B2G)
จำพวกธุรกิจกลุ่มนี้ FB แทบจะไม่มีความจำเป็นใดๆก็ตามเลย เนื่องจากคือเรื่องของแนวทางการจัดซื้อหา หรือ ควรมีการสัมมนาเสนอ ทำข้อตกลง ไปจนกระทั่งการประมูล ที่ไม่ใช่ส่งถึงคนไม่ใช่น้อยหรือคนทั่วๆไป ดังต่อไปนี้ FB จะมีหรือไม่ก็ไม่มีความสำคัญ
แบบธุรกิจต่อลูกค้า (B2C)
กลุ่มนี้ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรง เพียงแค่จะมากมายน้อยนั้นขึ้นกับการใช้แรงงานของธุรกิจนั้นว่าใช้ด้านใด ขาย หรือ โปรโมท และก็จะกระทบมากเพิ่มขึ้นถ้าใช้เป็นวิถีทางหลัก ซึ่งธุรกิจโดยรวมก็จะเป็นจำพวก B2C เป็นบริษัทขายของสู่ลูกค้าทั่วๆไป แม้กระนั้นมีความไม่เหมือนกันในด้านของขนาดธุรกิจแล้วก็หนทางการจำหน่ายเกี่ยวโยง ซึ่งบางทีอาจแบ่งแยกได้ตามข้อต่อๆไป
ธุรกิจขนาดใหญ่
โดยส่วนมากแล้ว ธุรกิจหรือแบรนด์ขนาดใหญ่ใช้ FB เป็นเพียงแค่หนึ่งในช่องทางการสื่อสาร เนื่องจากว่ามิได้จำหน่ายเองโดยตรง แม้ว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการติดต่อหลายด้าน แม้กระนั้นก็มิได้ถึงขั้นที่มีผลพวง หรือห้ามให้ขาดเลยเด็ดขาด เพราะเหตุว่าการอาศัยเป็นเพียงแต่ “วิถีทาง” ที่สะกดรอยผู้ซื้อไป ไม่ใช่การแนะนำ กล่าวอีกนัยหนึ่ง เพราะว่าคนเล่น FB เยอะแยะก็เลยตามไปโปรโมท โปรโมทใน FB หากว่าไม่มี FB คนซื้อหันไปใช้อะไร ธุรกิจหรือแบรนด์ก็ตามไปโปรโมทที่ตรงนั้นแทน แล้วก็ธรรมดาก็มักมีการกระจัดกระจายวิถีทางโฆษณาไม่ใช่แม้กระนั้น FB อยู่แล้ว มีการคิดแผนงบประมาณ พูดอีกนัยหนึ่งไม่น่าจะกระทบอะไรนัก นอกเหนือจากปรับแผน ปรับขั้นตอนการกันไป
ธุรกิจขนาดเล็ก – กึ่งกลาง
หรือจะกล่าวว่า SME ก็ได้ บริษัทขนาดกึ่งกลาง ขนาดเล็ก ส่วนหนึ่งส่วนใดก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากบริษัท หรือแบรนด์ขนาดใหญ่หมายถึงส่วนมากใช้เป็นเพียงแต่วิถีทางโปรโมท บางพื้นที่ก็มิได้ใช้ประโยชน์อะไรมุ่งมั่นด้วย (ขึ้นกับชนิดธุรกิจ) โดยอย่างมากเวลานี้แม้ธุรกิจย้ำวิถีทางขายออนไลน์ ก็น้อยนักที่จะซื้อขายแลกเปลี่ยนผ่าน FB โดยตรง แอพอย่าง Shopee หรือ Lazada สบายกว่ามากมาย หรือแนวทางการขายผ่านเว็บเลยก็ง่ายๆรวมทั้งมีคุณประโยชน์กว่าในหลายๆด้าน ซึ่งหนทางพวกนี้ก็มีแนวทางการตลาดที่นานับประการ ที่มองเห็นคงจะกระทบกว่าเป็นหัวข้อการสมัครงาน ที่บริษัทขนาดนี้มักใช้ประโยชน์กันมากยิ่งกว่า
ธุรกิจรายย่อย
ในกลุ่มนี้มีความน่าจะเป็นไปได้มากมายที่จะส่งผลเสียในพื้นฐาน เพราะเหตุว่าแม้ลงทุนสร้างฐานไว้กับ FB มากมาย ได้แก่ มียอด follow หรือยอด Like มากมาย ก็จะเสียฐานลูกค้าไปทันทีทันใด และก็บางครั้งก็อาจจะตรากตรำสำหรับการหาหนทางโปรโมทที่ฟรี หรือเงินลงทุนต่ำแบบนี้ ซึ่งหลายท่านสร้างทุกๆสิ่งทุกๆอย่างจากบนนี้ทั้งนั้น ตั้งแต่สร้างแบรนด์ หนทางโปรโมท โปรโมชั่น ไปจนกระทั่งขายเป็นหลักเลยก็มี กลุ่มนี้ก็จะกระทบหนัก การจะปรับแผนจาก FB ไปสื่ออื่นๆไม่ประกันว่าผลสรุปจะคืออะไร คนอาจไม่ทราบจะ ลืมไปเลยก็ได้ แม้กระนั้นทั้งหมดทั้งปวงก็ขึ้นกับชนิดธุรกิจด้วย
กิจการค้าส่วนตัว P2C
ที่แท้จะหาคำอธิบายศัพท์ให้คำนี้ๆอย่างเป็นทางการแจ่มแจ้งยังมิได้ แต่ว่าเป็นจำพวกที่มีมากไม่น้อยเลยทีเดียวในทุกวันนี้ ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการ “MLM Direct sell” แต่ว่าคำนี้ถูกนำไปเป็นแง่ลบเสียแล้ว เนื่องจากแนวทางการขายตรงจริงๆก็คือระหว่างบุคคลสู่ลูกค้าโดยตรง มีอีกทั้งทำเป็นรายได้เสริมรวมทั้งคนจำนวนไม่น้อยประกอบเป็นอาชีพหลัก พวกเราจะมองเห็นจำนวนมากสำหรับการที่นำผลิตภัณฑ์มาขายให้กรุ๊ปลูกค้าของตัวเอง โดยส่วนมากมิได้เป็นผลิตภัณฑ์บริษัทตนเอง แบรนด์ตนเอง ที่ทำเองผลิตเองก็มีแต่ว่าไม่มากมาย
ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับผลพวงตรงและก็ชัด ด้วยเหตุว่าเดี๋ยวนี้เป็นวิถีทางหลักของพ่อค้า แม่ค้ากลุ่มนี้ ส่วนหนึ่งส่วนใดที่ “อาศัย” เป็นวิถีทางธรรมดา ก็ได้รับผลพวงมากมายแล้ว แต่ว่าหลายรายจะต้องลงทุนที่เกิดขึ้นจากด้านการเรียนทราบ สร้างเคล็ดวิธี มีคณะทำงาน ได้แก่การ live ขายของแบบมือโปร การซื้อประชาสัมพันธ์ การผลิตรายละเอียด คอนเทนท์ ต่างๆที่ไม่บางทีอาจศึกษาหรือทำเป็นเลวข้ามคืน หรือทำเป็นเพียงลำพัง และก็แม้จำเป็นต้องปรับนิสัยมันเป็นการนับ 1 ใหม่ที่ใครๆอาจไม่ได้อยากพบ..
ความเคลื่อนไหวของอาชีพ
เว้นเสียแต่คนทำมาค้าขายแล้ว ยังมีบางสาขาอาชีพ ที่เกิดและก็เติบโตมาแบบพึ่งพิง FB 100% ดังเช่น ผู้ฝึกสอนสอนยิงแอดโปรโมท, คนทำเพจรีวิว ต่างๆInfluencer หรือเพจดังๆที่ได้รับผู้ช่วยเหลือเป็นหลัก หรืออาชีพเจาะจงอื่นๆที่ผมสรุปออกมาได้ไม่หมดและก็มีที่พวกเรายังไม่เคยทราบอีกพอเหมาะพอควร กรุ๊ปพวกนี้ถ้าหากเป็นธุรกิจก็บางทีอาจพูดได้ว่าเสี่ยงที่จะเจ๊งกว่าผู้ใดกัน ด้วยเหตุว่าคงจะหมดโอกาสสร้างรายได้ไปในทันทีทันใด
โดยรวมแล้วกลุ่มนี้ก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากคนค้าขายบางกรุ๊ปตามที่กล่าวไป เนื่องจากพึ่งพา FB มากมาย ทางออกเป็นจะต้องนับ 1 ใหม่ แม้กระนั้นก็ไม่ง่าย และไม่อาจมั่นหัวใจในแนวทางแล้วก็ผลสรุปที่จะออกมา
แง่ลูกค้า
มีไม่น้อยที่พวกเราชอบเป็นแฟนผลิตภัณฑ์ หรือเชิงธุรกิจบางทีอาจเรียกว่าเป็นกรุ๊ปลูกค้าจงรักภักดี (loyalty) ที่จำต้องพบความยุ่งยากสำหรับการติดตามผลิตภัณฑ์ที่พวกเราชอบใจ แม้กระนั้นกรรมวิธีปรับพฤติกรรมก็ไม่มีความต่างจากการใช้แรงงานทุกวัน เป็นเชือว่าน่าจะมีแอพอื่นมาแทนที่ให้พวกเราได้ติดตามดังเดิม
โดยมากแล้วความประพฤติปฏิบัติที่มีต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ผู้ใช้มักใช้บน FBเป็นมองความสดใหม่ การเปลี่ยนแปลงตอนนี้ บางทีอาจกล่าวได้ว่าเป็นการวิเคราะห์ หรืออยากใช้เพียงแค่เป็นข้อมูลประกอบ มากยิ่งกว่าตกลงใจในทันทีทันใด การไม่มี FB กับช่วงนี้ ความประพฤติปฏิบัติบางทีอาจไม่เปลี่ยนแปลงเพียงแค่แปลงแพลตฟอร์ม หรือแอพไปก็แค่นั้น
ความเคยชิน หรืออะไรที่พวกเราคุ้นชินแล้วมันย่อมทำให้รำคาญเมื่อจำเป็นต้องถูกบังคับให้เปลี่ยน ใหม่ๆผู้ใช้ผู้ใช้หลายๆคนก็บางทีอาจไม่ต้องการที่จะอยากปรับพฤติกรรม แต่ว่าแม้เกิดขึ้นจริงความคุ้นเคยสำหรับการมี Social Network ก็เป็นตัวแปรเหมือนกันให้คนหันไปใช้ตัวใหม่แทนที่ได้ง่ายๆ เพราะว่าคนจำนวนไม่น้อยเริ่มขาดมันมิได้..
ยากจะเกิดขึ้นจริง
เนื้อหานี้เริ่มเขียนจากการที่เริ่มมีใจความสำคัญทางด้านการเมือง ซึ่งในวันนี้คงจะน้อยลงและไม่ได้เป็นข้อความสำคัญอะไรแล้ว และก็อาจจะยังไม่เกิดขึ้นจริง แล้วก็ยากที่จะมีการแบน Facebook แม้กระนั้นสิ่งหนึ่งที่ธุรกิจในประเทศกำลังเจอ หรือหลายรายยังไม่รู้เรื่องมากพอเป็น การที่เศรษฐกิจของประเทศพวกเรากำลังพึ่งพิงเมืองนอกอย่างยิ่ง พวกเราเคยเป็นภาคการกสิกรรมรายใหญ่ พวกเราเคยเป็นฐานการสร้าง พวกเราเคยเป็นแหล่งลงทุน ถ้าเกิดคิดดีๆสิ่งที่พวกเราเคยเป็นนี้เป็น “เมืองนอกปรารถนาพวกเรา”
แต่ว่าการเปลี่ยนเป็น “ประเทศท่องเที่ยว” เป็นหลักขึ้นทุกๆวันนั้นมันแสดงว่า “พวกเราปรารถนาต่างแดน” มากเกินความจำเป็น มิหนำซ้ำภาคการลงทุนที่ไม่น่ามั่นอกมั่นใจจากความมั่นไม่คงจะด้านการเมืองมานับเป็นเวลาหลายปี ที่ผมไม่บางทีอาจสรุปว่าคนไหนกันแน่ไม่ถูกถูกยังไง แม้กระนั้นท้ายที่สุดผู้คนจำนวนมากบางทีอาจมิได้มองดู เนื่องจากว่าผลมันกำเนิดช้า ทุนใหญ่ๆไม่มีผู้ใดถอนการลงทุนได้โดยฉับพลัน แต่ว่าถ้าเกิดย้อนมองดูไปมันหายไปมากแล้วในตอนหลายปีก่อน รวมทั้งแม้มองดูลงลึกไปจะพบว่าการมีปัญหากับ Facebook นั้นมันเกิดเรื่องไม่มีประโยชน์ในเชิงธุรกิจโดยรวมของประเทศไปเลย…